Pass Line (เล่นได้เฉพาะรอบ Come Out Roll เท่านั้น) คือการเล่นประเภทที่ง่ายและได้รับความนิยมมากที่สุด มีอัตราได้เปรียบของเจ้ามือเพียง 1.41% โดยหมายถึง ซึ่งหากทอยได้แต้ม 4, 5, 6, 8, 9 หรือ 10 เกมจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะได้ 7, 11 หรือ 2, 3 หรือ 12 ผู้เล่นเล่นบนว่าผลรวมของเต๋าจะออกมาเป็น 7 หรือ 11 ก่อนแต้ม 2, 3 หรือ 12
Don’t Pass Line (เล่นได้เฉพาะรอบ Come Out Roll เท่านั้น) คือการเล่นตรงข้ามกับ Pass Line และมีอัตราได้เปรียบของเจ้ามือที่ 1.36% โดยผู้เล่นที่เสี่ยงดวงกับ Don’t Pass Line จะเล่นว่าผลแต้ม 2, 3 หรือ 12 จะออกผลแต้ม 7 หรือ 11 เช่นเดียวกัน หากทอยได้แต้ม 4, 5, 6, 8, 9 หรือ 10 เกมจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะได้ 7, 11 หรือ 2, 3 หรือ 12
Come (เล่นได้หลังจากรอบ Come Out Roll จบลงแล้ว) หรือ 12 ผู้เล่นแบบ Come จะชนะ คือหากแต้มทอยเป็น 7 หรือ 11 ก่อนแต้ม 2, 3
Don’t Come (เล่นได้หลังจากรอบ Come Out Roll จบลงแล้ว) คือหากแต้มทอยเป็น 2, 3 หรือ 12 ก่อนแต้ม 7 หรือ 11 ผู้เล่นแบบ Don’t Come จะชนะ
Place Bet คือการทายว่าแต้มใดจะออกก่อนแต้ม 7 (นิยมเล่นหลังรอบ Come Out Roll จบลงแล้ว)
Buy Bet (นิยมเล่นหลังรอบ Come Out Roll จบลงแล้ว) คือการทายว่าแต้มใดจะออกก่อนแต้ม 7 แต่เกมออนไลน์จะมีการเก็บค่าคอมมิชชั่น 5% ทุกรอบ หากเล่นชนะ
ประเภทต่าง ๆ เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างประเภทการวางการเล่นของแคร็ปส์เท่านั้น จะมีตั้งแต่ทั้งแบบ Big Six Big Eight, Hardways, 2 or 12, 3 or 11, Any 7 และ Any แครบส์ ซึ่งตามปกติแล้วผู้เล่นสามารถวางการเล่นแบบอื่น ๆ ได้อีกตามความสะดวก
การเล่นแคร็ปส์สุดท้าทายอย่างหาไม่ โดยที่ผู้เล่นนั้น ห้ามเล่น Come , Place และ Don’t Come Bets แต่สามารถเล่นที่กล่องหมายเลขใดก็ได้ ในรูปแบบที่เรียกว่า Double - end - Dealer สุดจ๊าบบบบ!
โต๊ะมักจะถูกปูด้วย "ผ้าหน้าโต๊ะ" สีเขียวที่มีช่องแสดงการเล่นทุกประเภทรวมทั้ง Pass Line, Comeและอีกมากมายเมื่อคุณต้องการเล่นคุณต้องวางชิปของคุณในช่องเฉพาะนั้นๆเจ้ามือจะมีสิ่งที่เรียกว่า Puck ซึ่งใช้เพื่อระบุเวลาที่พวกเขายอมรับการเล่นสำหรับ Pass Line หรือ Point Number